โหราศาสตร์ไทย

การคำนวณช่วงวัย พระเคราะห์เสวยอายุ

ในโหราศาสตร์ไทย มีวิธีการที่หลากหลายในการกำหนดว่าดาวดวงใดมีอิทธิพลหลักเหนือชีวิตในแต่ละช่วงเวลา หรือที่เรียกว่า “การคำนวณช่วงวัย” หรือ “พระเคราะห์เสวยอายุ” ซึ่งเป็นหลักการสำคัญในการพยากรณ์เหตุการณ์ตามอายุขัยของเจ้าชะตา

หลักการพื้นฐานของ “พระเคราะห์เสวยอายุ”

แนวคิดหลักคือ ชีวิตของคนเรานั้นถูกแบ่งออกเป็นช่วงๆ โดยแต่ละช่วงอายุจะมีดาวพระเคราะห์ดวงใดดวงหนึ่งมาเป็น “ดาวเสวยอายุ” ซึ่งเป็นดาวที่มีอิทธิพลหลักเหนือชีวิตของเจ้าชะตาในช่วงเวลานั้นๆ ผลของดาวเสวยอายุนี้จะบ่งบอกถึงแนวโน้มของเหตุการณ์ใหญ่ๆ, สภาพจิตใจ, โชคชะตา และอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นในแต่ละวัย

ระบบที่ได้รับความนิยมและใช้กันแพร่หลายที่สุดในโหราศาสตร์ไทยคือ “มหาทักษาเสวยอายุ” (หรือ ทักษาอายุ) ซึ่งเป็นระบบการคำนวณที่ง่ายและมีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อการพยากรณ์

มหาทักษาเสวยอายุ (การคำนวณช่วงวัยแบบทักษา)

ระบบมหาทักษาเสวยอายุ จะใช้ “วันเกิด” ของเจ้าชะตาเป็นจุดเริ่มต้นในการกำหนดดาวเสวยอายุ โดยมีวงรอบของดาว 8 ดวง (อาทิตย์, จันทร์, อังคาร, พุธ, เสาร์, พฤหัสบดี, ราหู, ศุกร์) และมีช่วงอายุรวม 108 ปี (ซึ่งเป็นกำลังรวมของดาวทักษาแต่ละดวง)

ขั้นตอนและหลักการ:

  1. กำหนดดาวบริวารเดิม (ดาวเจ้าวันเกิด): ดาวดวงแรกที่เสวยอายุ คือดาวที่ตรงกับวันเกิดของเจ้าชะตา
    • เกิดวันอาทิตย์: อาทิตย์ (๑) เป็นดาวเสวยอายุช่วงแรก
    • เกิดวันจันทร์: จันทร์ (๒) เป็นดาวเสวยอายุช่วงแรก
    • … ไปตามลำดับของดาวในภูมิทักษา
    • (หมายเหตุ: ราหู (๘) แทนวันพุธกลางคืน, ศุกร์ (๖) แทนวันศุกร์, เสาร์ (๗) แทนวันเสาร์)
  2. กำหนดช่วงอายุที่ดาวแต่ละดวงเสวย: ดาวแต่ละดวงจะมีช่วงเวลาในการเสวยอายุที่แตกต่างกัน ตามกำลังของดาวนั้นๆ (ซึ่งเป็นเลขกำลังของดาวในทางทักษา)
    • อาทิตย์ (๑): 6 ปี
    • จันทร์ (๒): 15 ปี
    • อังคาร (๓): 8 ปี
    • พุธ (๔): 17 ปี
    • เสาร์ (๗): 10 ปี
    • พฤหัสบดี (๕): 19 ปี
    • ราหู (๘): 12 ปี
    • ศุกร์ (๖): 21 ปี
    • รวมกันทั้งหมดได้ 6 + 15 + 8 + 17 + 10 + 19 + 12 + 21 = 108 ปี
  3. ลำดับการเสวยอายุ: เมื่อดาวดวงแรกเสวยอายุครบช่วงเวลาของตนแล้ว ดาวดวงถัดไปในวงทักษาจะเข้ามาเสวยอายุต่อในลำดับถัดไป (ตามลำดับ อทิจันทร์, พุธ, เสาร์, พฤหัส, ราหู, ศุกร์, อาทิตย์)
    • ตัวอย่าง: ผู้ที่เกิด วันจันทร์
      • อายุ 0 – 15 ปี: พระจันทร์ (๒) เสวยอายุ (เนื่องจากเกิดวันจันทร์ และจันทร์มีกำลัง 15 ปี)
      • อายุ 16 – 23 ปี: พระอังคาร (๓) เสวยอายุ (ต่อจากจันทร์ อังคารมีกำลัง 8 ปี)
      • อายุ 24 – 40 ปี: พระพุธ (๔) เสวยอายุ (ต่อจากอังคาร พุธมีกำลัง 17 ปี)
      • …ไล่ไปเรื่อยๆ จนครบ 108 ปี

การนำไปใช้ในการพยากรณ์:

เมื่อทราบว่าช่วงอายุใดมีดาวดวงใดเสวยอายุ ก็จะนำความหมายของดาวดวงนั้นมาพิจารณาประกอบกับหลักการทักษา (บริวาร, อายุ, เดช, ศรี, มูละ, อุตสาหะ, มนตรี, กาลกิณี) เพื่อดูว่าในช่วงวัยนั้นๆ เจ้าชะตาจะมีแนวโน้มเจอเรื่องราวในด้านใด:

  • ดาวเสวยอายุที่ดี (เป็นศรี, มนตรี): มักส่งผลให้ช่วงวัยนั้นมีความเจริญรุ่งเรือง, มีโชคลาภ, ได้รับการสนับสนุน, ประสบความสำเร็จในเรื่องที่ดาวนั้นเป็นตัวแทน
  • ดาวเสวยอายุที่ไม่ดี (เป็นกาลกิณี, หรือมีคุณภาพอ่อนแอในพื้นดวง): มักส่งผลให้ช่วงวัยนั้นมีอุปสรรค, ปัญหา, ความยากลำบาก, เจ็บป่วย หรือเรื่องที่ต้องแก้ไข

ตัวอย่าง: หากในช่วงวัยหนึ่ง ดาวพฤหัสบดี (๕) เสวยอายุ และดาวพฤหัสบดีเป็นดาวศรี หรือมนตรีสำหรับวันเกิดนั้นๆ ก็อาจบ่งบอกว่าในช่วงวัยนั้นเจ้าชะตาจะมีโอกาสดีด้านการศึกษา, ได้รับความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่, มีความก้าวหน้าในอาชีพ หรือมีโชคลาภ

“พระเคราะห์แทรก” (Sub-Periods):

ในแต่ละช่วงที่ดาวเสวยอายุ ยังมี “พระเคราะห์แทรก” ซึ่งเป็นดาวดวงอื่นๆ ที่เข้ามามีอิทธิพลย่อยๆ ภายในช่วงดาวเสวยอายุหลักอีกด้วย การคำนวณพระเคราะห์แทรกจะซับซ้อนขึ้นไปอีกขั้น โดยใช้หลักการหมุนวนของดาวภายในช่วงอายุของดาวเสวยอายุนั้นๆ ทำให้การพยากรณ์มีความละเอียดในระดับปีหรือเดือน

สรุป: การคำนวณช่วงวัยด้วยระบบมหาทักษาเสวยอายุ ช่วยให้นักโหราศาสตร์สามารถระบุได้ว่าพลังงานของดาวดวงใดจะโดดเด่นและมีอิทธิพลมากที่สุดในช่วงชีวิตของเจ้าชะตา ทำให้สามารถพยากรณ์แนวโน้มของเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ได้อย่างเป็นระบบและมีช่วงเวลาที่ชัดเจน