โหราศาสตร์ไทย

มุมสัมพันธ์ (เกณฑ์): ปฏิสัมพันธ์ระหว่างดาว

มุมสัมพันธ์ (เกณฑ์) ในโหราศาสตร์ไทย คือการบอกถึง “ปฏิสัมพันธ์” หรือ “การส่งอิทธิพลถึงกันและกัน” ของดาวพระเคราะห์ต่างๆ ในดวงชะตา ครับ

เมื่อดาวดวงหนึ่งสถิตอยู่ในตำแหน่งที่สัมพันธ์กับดาวอีกดวง จะก่อให้เกิดกระแสพลังงานที่ส่งผลต่อกัน ซึ่งสามารถตีความได้ว่าดาวทั้งสองดวงนั้นจะร่วมกันสร้างเหตุการณ์หรือมีอิทธิพลต่อลักษณะนิสัยของเจ้าชะตาอย่างไร

ความสำคัญของมุมสัมพันธ์ (เกณฑ์):

  • เสริมหรือหักล้าง: มุมสัมพันธ์จะบอกว่าดาวสองดวงนั้น “ส่งเสริม” หรือ “หักล้าง” พลังงานกันและกัน ทำให้ผลของดาวดวงใดดวงหนึ่งเด่นขึ้น อ่อนลง หรือเกิดผลลัพธ์ใหม่ๆ ที่เกิดจากการผสมผสาน
  • บอกลักษณะความสัมพันธ์: บ่งบอกถึงความสัมพันธ์ระหว่างเรื่องราวที่ดาวนั้นๆ เป็นตัวแทน เช่น หากดาวการเงิน (ดาวศุกร์) ทำมุมดีกับดาวคู่ครอง (ดาวพฤหัสบดี) ก็อาจหมายถึงคู่ครองนำโชคเรื่องการเงินมาให้
  • กำหนดเหตุการณ์: การที่ดาวสัมพันธ์กัน มักจะเป็นตัวกำหนดว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นในลักษณะใด หรือเมื่อไหร่ (โดยเฉพาะเมื่อดูร่วมกับดาวจร)
  • สร้างองค์เกณฑ์: มุมสัมพันธ์บางรูปแบบ เมื่อเกิดกับดาวบางดวงในตำแหน่งสำคัญ จะก่อให้เกิด “องค์เกณฑ์” ซึ่งเป็นคุณสมบัติพิเศษที่บ่งบอกถึงความสำเร็จ ความเจริญรุ่งเรือง หรือลักษณะเด่นของเจ้าชะตา

ประเภทของมุมสัมพันธ์หลัก (เกณฑ์) ในโหราศาสตร์ไทย:

ในโหราศาสตร์ไทย เราจะนับมุมสัมพันธ์โดยยึด “ราศี” เป็นหลัก หรือคิดเป็นจำนวนราศีที่ห่างกัน โดย 1 ราศี มี 30 องศา (ดังนั้น 1 องศาก็คือ 1 องศา, 60 องศาคือ 2 ราศีห่างกัน)

  1. กุม / ทับ (0 องศา / อยู่ราศีเดียวกัน):
    • ความหมาย: ดาวอยู่ร่วมราศีเดียวกัน พลังงานของดาวทั้งสองดวง ผสมผสานและส่งผลโดยตรงถึงกันอย่างหนักแน่น
    • ผล: หากเป็นดาวดีร่วมกัน จะยิ่งเสริมความดี หากเป็นดาวร้ายร่วมกัน จะยิ่งเสริมความร้าย หรือหากเป็นดาวดีกับร้ายร่วมกัน ก็จะมีการหักล้าง หรือทำให้เกิดความขัดแย้งภายในตนเองหรือในเหตุการณ์นั้นๆ
    • ตัวอย่าง: อาทิตย์ (๑) กุม จันทร์ (๒) ในราศีสิงห์ อาจทำให้เป็นคนมีเสน่ห์และมีอำนาจในตัวตน (บุคลิก)
  2. โยค (60 องศา / ห่างกัน 2 ราศี):
    • ความหมาย: ดาวอยู่ห่างกัน 2 ราศี โดยมีดาวที่อยู่ราศีหน้า (โยคหน้า) และดาวที่อยู่ราศีหลัง (โยคหลัง) เป็นมุมที่ ส่งเสริมสนับสนุนกันในระดับหนึ่ง หรือมีเหตุการณ์ที่ต่อเนื่องกัน
    • ผล: มักให้คุณ เป็นมุมที่ช่วยเหลือ เกื้อกูลกันแบบอ้อม ๆ หรือมีผลต่อเนื่องกัน (บางตำราให้ผลดีกว่าตรีโกณ)
    • ตัวอย่าง: ดาวการงาน โยคกับดาวการเงิน อาจหมายถึงการงานส่งเสริมให้มีรายได้ดี
  3. ตรีโกณ (120 องศา / ห่างกัน 4 ราศี หรือ 5-9 ราศี):
    • ความหมาย: ดาวอยู่ห่างกัน 4 ราศี (หรือ นับแบบ 5-9 ราศี ก็คือห่าง 4 ราศี เช่น 1 ไป 5 และ 1 ไป 9) เป็นมุมที่ ส่งเสริมสนับสนุนกันอย่างราบรื่น กลมกลืน และให้คุณในทางที่ดี
    • ผล: เป็นมุมแห่งโชค ความราบรื่น ความสำเร็จที่ได้มาง่าย เป็นมุมที่ให้คุณอย่างมากและมีผลต่อบุญเก่า บุญบารมี
    • ตัวอย่าง: ดาวโชคลาภ ตรีโกณกับลัคนา อาจหมายถึงมีโชคเข้ามาในชีวิตบ่อยครั้ง หรือเป็นคนมีบุญ
  4. จตุโกณ (90 องศา / ห่างกัน 3 ราศี หรือ 4-10 ราศี):
    • ความหมาย: ดาวอยู่ห่างกัน 3 ราศี (หรือ นับแบบ 4-10 ราศี ก็คือห่าง 3 ราศี เช่น 1 ไป 4 และ 1 ไป 10) เป็นมุมที่ ขัดแย้ง แตกแยก ก่อปัญหา หรือต้องใช้ความพยายามอย่างมาก
    • ผล: มักให้โทษ เป็นมุมแห่งความยากลำบาก อุปสรรค ความกดดัน การต่อสู้ การแข่งขัน
    • ตัวอย่าง: ดาวอุปสรรค จตุโกณกับดาวการงาน อาจหมายถึงการงานมีปัญหา มีอุปสรรคเข้ามามาก
  5. เล็ง (180 องศา / ห่างกัน 6 ราศี / อยู่ราศีตรงข้าม):
    • ความหมาย: ดาวอยู่ตรงข้ามกัน พลังงานของดาวทั้งสอง ปะทะกันโดยตรง อาจเป็นการดึงดูดกันแบบตรงข้าม หรือเป็นการขัดแย้ง ท้าทาย
    • ผล: หากเป็นดาวดีเล็งกัน อาจหมายถึงการส่งเสริมกันในลักษณะที่ต้องผ่านการเจรจาหรือความสัมพันธ์กับผู้อื่น หากเป็นดาวร้ายเล็งกัน อาจหมายถึงการขัดแย้ง ความขัดแย้งกับผู้อื่น หรือปัญหาที่มาจากภายนอก
    • ตัวอย่าง: ดาวความรัก เล็งกับดาวกาลกิณี อาจหมายถึงความรักมีปัญหา ความขัดแย้งกับคู่ครอง

ความสำคัญในการพยากรณ์:

การดูมุมสัมพันธ์ทำให้เห็นว่าดาวแต่ละดวงในพื้นดวง (หรือดาวจรที่โคจรมาสัมพันธ์กับดาวในพื้นดวง) มี “ปฏิสัมพันธ์” กันอย่างไร ซึ่งจะส่งผลให้เกิดเหตุการณ์ต่างๆ ในชีวิตของเจ้าชะตาอย่างเป็นเหตุเป็นผล และมีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้นครับ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *