ฤกษ์บน ฤกษ์ล่าง ในโหราศาสตร์ไทย
ในโหราศาสตร์ไทย การพิจารณาฤกษ์เพื่อทำการมงคลต่างๆ จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลักๆ คือ ฤกษ์บน และ ฤกษ์ล่าง ทั้งสองส่วนนี้มีความสำคัญและต้องนำมาพิจารณาร่วมกันเพื่อให้ได้ฤกษ์ที่ดีที่สุด
ฤกษ์บน (นักขัตฤกษ์ หรือ นพดลฤกษ์)
ฤกษ์บน เป็นการพิจารณาอิทธิพลจาก ดวงดาวบนท้องฟ้า โดยเฉพาะการโคจรของ พระจันทร์ ที่ผ่านกลุ่มดาวฤกษ์ต่างๆ (นักขัตฤกษ์) ซึ่งมีทั้งหมด 27 ฤกษ์ หรือบางตำรานับ 28 ฤกษ์ ฤกษ์บนถือเป็น ชัยมงคลเบื้องสูง ที่ส่งผลต่อพลังงานโดยรวมของช่วงเวลานั้นๆ
ประเภทของฤกษ์บน (นิยมใช้ 9 ฤกษ์หลัก):
- ทลิทโทฤกษ์: ฤกษ์ขอ หรือ ฤกษ์ขอทาน เหมาะสำหรับงานที่ต้องขอความช่วยเหลือ ความเมตตา การสู่ขอ กู้ยืมเงิน
- มหัทธโนฤกษ์: ฤกษ์เศรษฐี เหมาะสำหรับงานที่เกี่ยวข้องกับความมั่งคั่ง การเงิน การปลูกสร้างบ้านเรือน ขึ้นบ้านใหม่ เปิดห้างร้าน บริษัท
- โจโรฤกษ์: ฤกษ์โจร หรือ ฤกษ์แห่งการช่วงชิง เหมาะสำหรับงานปราบปราม ตรวจค้น สืบสวน เสี่ยงโชค งานที่ต้องใช้ความกล้าหาญและความรุนแรง
- ภูมิปาโลฤกษ์: ฤกษ์ผู้รักษาแผ่นดิน เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความมั่นคงถาวร งานก่อสร้าง ปลูกสร้างอาคาร ลงเสาเข็ม ยกศาลพระภูมิ แต่งงาน
- เทศาตรีฤกษ์: ฤกษ์ช่าง เหมาะสำหรับงานที่ต้องติดต่อกับคนหมู่มาก การเดินทางไกล เปิดบ่อนการพนัน หรือสถานที่บันเทิง โรงมหรสพ
- เทวีฤกษ์: ฤกษ์นางพญา เหมาะสำหรับงานที่เกี่ยวข้องกับความรัก ความสวยงาม การหมั้นหมาย แต่งงาน การเปิดร้านเสริมสวย ร้านเสื้อผ้า
- เพชฌฆาตฤกษ์: ฤกษ์เพชฌฆาต เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความเด็ดขาด การผ่าตัด การปราบปรามศัตรู ทำพิธีลงโทษ หรือทำคุณไสย
- ราชาฤกษ์: ฤกษ์ของพระราชา เหมาะสำหรับงานที่ต้องการเกียรติยศ ชื่อเสียง ความสำเร็จ การเลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่ง การเปิดอาคารสำนักงาน
- สมโณฤกษ์: ฤกษ์พระสงฆ์ หรือ ฤกษ์นักบวช เหมาะสำหรับงานบุญ งานพิธีกรรมทางศาสนา งานที่ต้องการความสงบ ร่มเย็น ปฏิบัติธรรม ลาสิกขาบท
ฤกษ์ล่าง (ภูมิปาโลฤกษ์ หรือ มาตราฤกษ์)
ฤกษ์ล่าง เป็นการพิจารณาอิทธิพลจาก การคำนวณปฏิทินแบบมนุษย์กำหนดขึ้น โดยไม่ได้ใช้ตำแหน่งดาวบนท้องฟ้าเป็นเกณฑ์โดยตรง แต่ใช้ วัน ดิถี (ข้างขึ้น-ข้างแรม) เดือน ปี ทางจันทรคติเป็นหลัก ถือเป็น ชัยมงคลเบื้องต่ำบนพื้นดิน ที่เกี่ยวข้องกับความเป็นไปในชีวิตประจำวันของมนุษย์
ประเภทของฤกษ์ล่าง (ตัวอย่างที่สำคัญ):
- กาลโยค: การพิจารณาวันดี-ร้ายประจำปี ซึ่งมีการกำหนด วันธงชัย (ดีที่สุด), วันอธิบดี (ดีรองลงมา), วันอุบาทว์ (ไม่ดี), และวันโลกาวินาศ (ร้ายที่สุด) สำหรับปีนั้นๆ
- ดิถีต่างๆ:
- ดิถีอำมฤตโชค: เป็นดิถีที่ดีที่สุด ให้ความสำเร็จ โชคลาภ
- ดิถีมหาสิทธิโชค: เป็นดิถีที่ดีรองลงมา ให้ความสำเร็จที่ดียิ่ง
- ดิถีชัยโชค: วันที่มีชัยชนะ
- ดิถีราชาโชค: โชคดีจากผู้หลักผู้ใหญ่
- ดิถีไม่ดี: เช่น วันบอด, ทักทิน, ทรทึก, ทัคธทิน, ยมขันธ์, อัคนิโรธ, ทินกาล, ทินสูร, กาลโชค, กาลสูร, กาลทัณฑ์, โลกาวินาศ, วินาศ, พิลา, มฤตยู (เป็นวันไม่ดีที่ควรหลีกเลี่ยง)
- วันกาลกิณีประจำวันเกิด: วันที่ไม่เป็นมงคลสำหรับผู้ที่เกิดในวันนั้นๆ (เช่น เกิดวันอาทิตย์ ห้ามทำการมงคลในวันศุกร์)
- วันจม วันฟู วันลอย: การแบ่งวันตามการคำนวณที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่ของดวงจันทร์ เพื่อดูความมั่นคง หรือการลอยตัวของกิจการ
- กทิงวัน (กระทิงวัน): เป็นวันแรง ที่เน้นไปในทางความรุนแรง แตกหัก ไม่เหมาะสำหรับงานมงคล
ความแตกต่างและบทบาท
คุณสมบัติ | ฤกษ์บน (นักขัตฤกษ์) | ฤกษ์ล่าง (ภูมิปาโลฤกษ์ / มาตราฤกษ์) |
---|---|---|
ที่มา | อิทธิพลจาก ดวงดาวบนท้องฟ้า (การโคจรของจันทร์ผ่านกลุ่มดาว) | อิทธิพลจาก การคำนวณปฏิทินที่มนุษย์กำหนด (วัน, ดิถี, เดือน, ปี) |
หลักเกณฑ์ | ตำแหน่งของพระจันทร์และดาวพระเคราะห์ที่โคจรผ่านกลุ่มดาวฤกษ์ 27 หรือ 28 ฤกษ์ | กาลโยคประจำปี, ดิถีดี-ร้าย, วันกาลกิณี, วันจม-ฟู-ลอย, กทิงวัน |
การใช้ | เป็นการเลือก ประเภทของงาน ว่างานมงคลนี้เหมาะกับฤกษ์แบบไหน (เช่น งานแต่งงานใช้เทวีฤกษ์, ขึ้นบ้านใหม่ใช้มหัทธโนฤกษ์หรือภูมิปาโลฤกษ์) | เป็นการคัดกรอง วันดี-ร้าย โดยรวมของวันนั้นๆ ว่าเหมาะสมกับการทำการมงคลหรือไม่ และเหมาะกับใคร |
ความสำคัญ | เป็นฤกษ์ที่กำหนดลักษณะผลของงาน | เป็นฤกษ์ที่กำหนดคุณภาพพื้นฐานของวัน |
ส่งออกไปยังชีต
การนำไปใช้จริง
ในการหาฤกษ์มงคลที่สมบูรณ์แบบนั้น โหราจารย์จะต้องนำทั้งฤกษ์บนและฤกษ์ล่างมาพิจารณาร่วมกัน และที่สำคัญที่สุดคือต้อง นำมาพิจารณาประกอบกับดวงชะตาของผู้ประกอบการ (เจ้าของงาน) ด้วย เพื่อให้ได้ฤกษ์เฉพาะบุคคลที่ส่งเสริมดวงชะตาของเจ้าของงานให้ได้รับผลดีสูงสุด
บางครั้ง ฤกษ์บนอาจจะดี แต่ฤกษ์ล่างเป็นวันโลกาวินาศ หรือวันกาลกิณีของเจ้าบ้าน ก็จะต้องหลีกเลี่ยง หรือถ้าจำเป็นต้องใช้ ก็ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบและอาจต้องหาทางแก้ไขหรือบรรเทาผลกระทบด้วยพิธีกรรมต่างๆ ครับ