ใครเป็นคนคิดโหราศาสตร์ไทยคนแรก
ไม่มีข้อมูลระบุอย่างชัดเจนว่า ใครคือ “คนแรก” ที่คิดค้นโหราศาสตร์ไทยโดยเฉพาะเจาะจง เนื่องจากโหราศาสตร์ไทยมีรากฐานมาจากความรู้และตำราโหราศาสตร์ที่รับมาจากอารยธรรมโบราณหลายแห่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจาก อินเดีย (ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู และพุทธศาสนา) ซึ่งมีมาตั้งแต่สมัยโบราณกาล ก่อนที่จะมีการประยุกต์และพัฒนาให้เข้ากับบริบทของไทยในภายหลัง
ที่มาของโหราศาสตร์ไทย:
- อิทธิพลจากอินเดีย: โหราศาสตร์ไทยมีรากฐานที่แข็งแกร่งจากโหราศาสตร์อินเดีย (หรือ โหราศาสตร์เวท) โดยเฉพาะคัมภีร์ที่เรียกว่า “สุริยยาตร์” ซึ่งเป็นตำราที่ใช้ในการคำนวณการโคจรของดวงดาว และปฏิทินจันทรคติ
- การสืบทอดและพัฒนา: ความรู้ทางโหราศาสตร์ได้ถูกนำเข้ามาในดินแดนไทยมาตั้งแต่สมัยโบราณ (มีหลักฐานปรากฏตั้งแต่สมัยสุโขทัย) และมีการสืบทอด ปรับปรุง และประยุกต์ใช้เรื่อยมาในราชสำนักและในหมู่ประชาชน
- โหรหลวง: ในอดีต มีตำแหน่ง “โหรหลวง” ที่ทำหน้าที่คำนวณฤกษ์ยามสำคัญต่างๆ ของบ้านเมือง (เช่น ฤกษ์สร้างเมือง, ฤกษ์พระราชพิธี) และถวายคำปรึกษาแก่พระมหากษัตริย์ โหรหลวงเหล่านี้จึงเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการรักษาและพัฒนาองค์ความรู้โหราศาสตร์ไทย
ดังนั้น จึงไม่มีบุคคลใดบุคคลหนึ่งที่สามารถระบุได้ว่าเป็น “ผู้คิดค้นโหราศาสตร์ไทยคนแรก” เพราะมันเป็นวิชาการที่สั่งสมและพัฒนามาอย่างยาวนานผ่านการถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น และการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับบริบทของสังคมไทย
อย่างไรก็ตาม มีบุคคลสำคัญหลายท่านที่มีบทบาทในการรวบรวม ฟื้นฟู และเผยแพร่ตำราโหราศาสตร์ไทยให้เป็นที่รู้จักในยุคหลังๆ เช่น พระยาโหราธิบดี (แหยม วัชรโชติ) โหรหลวงในสมัยรัชกาลที่ 5 จนถึงรัชกาลที่ 9 ซึ่งเป็นผู้มีความรู้ความสามารถอย่างยิ่งและเป็นที่รู้จักในวงการโหราศาสตร์ไทย แต่ท่านก็เป็นผู้สืบทอดและต่อยอด ไม่ใช่ผู้คิดค้นขึ้นมาเป็นคนแรก.
พระยาโหราธิบดี (แหยม วัชรโชติ) เป็นบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์และโหราศาสตร์ไทยที่ได้รับการยกย่องอย่างสูง ท่านเป็น โหรหลวงผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง และปฏิบัติราชการในราชสำนักไทยยาวนานถึง 6 รัชกาล ตั้งแต่รัชกาลที่ 5 (พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) จนถึงรัชกาลที่ 9 (พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร) ท่านถึงแก่อสัญกรรมในปี พ.ศ. 2494
บทบาทและความสำคัญ:
- โหรหลวง 6 แผ่นดิน: การที่ท่านรับราชการยาวนานถึง 6 รัชกาล แสดงให้เห็นถึงความรู้ความสามารถอันเป็นที่ประจักษ์ และความไว้วางใจที่ได้รับจากพระมหากษัตริย์ในแต่ละรัชสมัย ท่านได้เลื่อนยศถาบรรดาศักดิ์ตามลำดับ ตั้งแต่ ขุนโลกพยากรณ์ (พ.ศ. 2444), หลวงโลกทีป (พ.ศ. 2451), พระเทวโลก (พ.ศ. 2456) และเป็น พระยาโหราธิบดี ในที่สุด
- ผู้ถวายพระฤกษ์สำคัญของชาติ: ท่านมีบทบาทสำคัญในการคำนวณและถวายพระฤกษ์ในพระราชพิธีและเหตุการณ์สำคัญของประเทศหลายครั้ง เช่น:
- พระฤกษ์บรมราชาภิเษก รัชกาลที่ 6 (พ.ศ. 2453)
- พระฤกษ์บรมราชาภิเษก รัชกาลที่ 7 (พ.ศ. 2468)
- พระฤกษ์ฉลองพระนครครบ 150 ปี (เปิดสะพานพุทธฯ) ในต้นปี พ.ศ. 2475
- พระฤกษ์พระราชทานรัฐธรรมนูญ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475: นี่เป็นบทบาทที่สำคัญอย่างยิ่งในช่วงการเปลี่ยนแปลงการปกครองของไทย และเป็นที่จดจำอย่างกว้างขวาง
- พระฤกษ์บรมราชาภิเษก รัชกาลที่ 9 (พ.ศ. 2493): ท่านเป็นผู้จารึกดวงพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ลงบนแผ่นทอง และถวายน้ำสรงพระมุรธาภิเษกในพิธีบรมราชาภิเษกด้วย
- ผู้เชี่ยวชาญด้านโหราศาสตร์: ท่านได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในวิชาโหราศาสตร์ไทย โดยเฉพาะคัมภีร์สุริยยาตร์ และมีความสามารถในการพยากรณ์ได้อย่างแม่นยำ ทำให้เป็นที่พึ่งของราชสำนักและประชาชน
- ผู้รักษาและเผยแพร่องค์ความรู้: นอกจากบทบาทในราชสำนักแล้ว ท่านยังมีส่วนในการรักษาและสืบทอดองค์ความรู้ทางโหราศาสตร์ไทย อาจมีการถ่ายทอดวิชา หรือเป็นผู้ตรวจสอบความถูกต้องของตำราโหราศาสตร์ต่างๆ (เช่น หนังสือ “ทักษารามัญ จากสมุดข่อยของ พระยาโหราธิบดี (แหยม วัชรโชติ)” ที่เรียบเรียงและอธิบายโดย นายเชย บัวก้านทอง)
พระยาโหราธิบดี (แหยม วัชรโชติ) จึงถือเป็นหนึ่งในตำนานของวงการโหราศาสตร์ไทย และเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ชาติ ที่มีบทบาทในเหตุการณ์สำคัญของประเทศหลายครั้ง ผ่านการคำนวณและถวายพระฤกษ์ต่างๆ ที่มีผลต่อความเป็นไปของบ้านเมือง.