โหราศาสตร์ไทย

ดาวจร

ในโหราศาสตร์ไทย “ดาวจร” คือ ตำแหน่งของดวงดาวบนท้องฟ้า ณ เวลาปัจจุบัน หรือในอนาคต ซึ่งเคลื่อนที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และส่งอิทธิพลต่อดวงชะตาของบุคคลและเหตุการณ์ต่างๆ บนโลก

เปรียบเทียบง่ายๆ ก็คือ:

  • ดวงกำเนิด (พื้นดวง): เหมือน “แผนที่ชีวิต” หรือ “พิมพ์เขียว” ที่บอกศักยภาพ แนวโน้ม และโชคชะตาโดยรวมของคุณตั้งแต่เกิด มันคือ “คุณสมบัติที่ติดตัวมา”
  • ดาวจร: เหมือน “สภาพอากาศ” หรือ “สถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง” ในแต่ละช่วงเวลา มันคือ “สิ่งที่คุณกำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน” ซึ่งจะเข้ามาทำปฏิกิริยากับแผนที่ชีวิตของคุณ

ความสำคัญของ “ดาวจร”

การพยากรณ์โดยใช้ดาวจร หรือที่เรียกว่า “การพยากรณ์จร” เป็นหัวใจสำคัญของโหราศาสตร์ในการทำนายเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น หรืออธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาหนึ่งๆ ครับ

  1. บ่งบอกถึงช่วงเวลาและเหตุการณ์: เมื่อดาวจรโคจรย้ายราศี หรือทำมุมสัมพันธ์กับดาวในดวงกำเนิด (พื้นดวง) หรือลัคนา จะส่งผลให้เกิดเหตุการณ์สำคัญในชีวิตของเจ้าชะตาในช่วงเวลานั้นๆ
    • ตัวอย่าง: หากดาวพฤหัสบดี (ดาวแห่งโชคลาภและความสำเร็จ) โคจรเข้ามาทับลัคนา หรือเข้าสู่ภพการเงินในพื้นดวง อาจหมายถึงช่วงเวลาที่การเงินดีขึ้น มีโอกาสดีๆ เข้ามา
  2. กระตุ้นอิทธิพลของพื้นดวงเดิม: ดาวจรจะเข้ามา “กระตุ้น” หรือ “ปลุก” พลังงานของดาวในพื้นดวงเดิม ให้แสดงอิทธิพลออกมา
    • ตัวอย่าง: หากในพื้นดวงเดิมคุณมีเกณฑ์ “ธนโยค” (ดวงคนรวย) อยู่แล้ว เมื่อดาวพฤหัสบดี หรือดาวศุกร์ (ดาวการเงิน) โคจรมาส่งเสริม จะยิ่งทำให้เกณฑ์ธนโยคนั้นแสดงผลชัดเจนขึ้น และมีโอกาสทางการเงินเข้ามาอย่างโดดเด่น
  3. อิทธิพลต่ออารมณ์และจิตใจ: การโคจรของดาวบางดวง เช่น ดาวจันทร์ (อารมณ์) หรือดาวราหู (ความลุ่มหลง) เมื่อจรมาสัมพันธ์กับจุดสำคัญ อาจส่งผลกระทบต่ออารมณ์และจิตใจของเจ้าชะตาโดยตรง
  4. การพยากรณ์ภาพรวม: ดาวจรของดาวใหญ่ๆ ที่โคจรช้า เช่น ดาวเสาร์ (๗), ดาวราหู (๘), ดาวพฤหัสบดี (๕) มักถูกนำมาใช้ในการพยากรณ์สถานการณ์ภาพรวมของประเทศ เศรษฐกิจ หรือสังคมในระยะยาว

การโคจรของดาว (ดาวย้าย)

ดาวแต่ละดวงมีความเร็วในการโคจรแตกต่างกัน ทำให้มีการ “ดาวย้าย” หรือเปลี่ยนราศีด้วยระยะเวลาที่ไม่เท่ากัน:

  • ดาวที่โคจรเร็ว (ส่งผลเร็ว แต่ไม่ยาวนาน):
    • ดาวจันทร์ (๒): ประมาณ 2.5 วันต่อราศี
    • ดาวอาทิตย์ (๑): ประมาณ 1 เดือนต่อราศี
    • ดาวพุธ (๔): ประมาณ 1 เดือนต่อราศี (มีการเดินพักร-มนตร์-เสริดบ่อย)
    • ดาวศุกร์ (๖): ประมาณ 1 เดือนต่อราศี (มีการเดินพักร-มนตร์-เสริดบ่อย)
    • ดาวอังคาร (๓): ประมาณ 45 วันต่อราศี
  • ดาวที่โคจรช้า (ส่งผลยาวนานและเป็นเหตุการณ์ใหญ่):
    • ดาวพฤหัสบดี (๕): ประมาณ 1 ปีต่อราศี (12 เดือน)
    • ดาวราหู (๘): ประมาณ 1.5 ปีต่อราศี (18 เดือน)
    • ดาวเสาร์ (๗): ประมาณ 2.5 ปีต่อราศี
    • ดาวมฤตยู (๐): ประมาณ 7 ปีต่อราศี
    • ดาวเกตุ (๙): ประมาณ 1 เดือนต่อราศี (มักจะเดินสวนทางกับราหู)

การพิจารณาดาวจร

ในการพยากรณ์ดาวจร โหราจารย์จะพิจารณาหลายปัจจัยร่วมกัน:

  1. ตำแหน่งที่ดาวจรเข้ามาสถิต: ดาวจรเข้าภพใด (เช่น ภพการเงิน, การงาน, ปัญหา) และในราศีนั้นดาวจรได้มาตรฐานอะไร (เช่น ได้เกษตร, อุจจ์, นิจ)
  2. มุมสัมพันธ์กับดาวในพื้นดวงเดิม: ดาวจรเข้ามาทำมุม กุม (ทับ), เล็ง, ตรีโกณ, โยค กับดาวดวงใดในพื้นดวงเดิมหรือไม่
  3. ทักษาจร: ดูว่าดาวจรนั้นเป็นอะไรในทักษาช่วงอายุนั้นๆ (เช่น เป็นศรี, เดช, กาลกิณี)
  4. วัยจร: พิจารณาวัยของเจ้าชะตาประกอบ (เช่น วัยเด็ก วัยทำงาน วัยชรา)

สรุป: ดาวจรจึงเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการทำนายเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปในชีวิตประจำวัน หรือในช่วงเวลาหนึ่งๆ โดยเป็นการนำเอาตำแหน่งดาวบนท้องฟ้า ณ เวลาปัจจุบัน มาพิจารณาร่วมกับพื้นดวงชะตากำเนิด เพื่อให้เกิดการพยากรณ์ที่แม่นยำและตอบโจทย์สถานการณ์ชีวิตของเจ้าชะตาในแต่ละช่วงเวลาครับ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *