หลักการตั้งชื่อ
การตั้งชื่อ ไม่ว่าจะเป็นชื่อคน ชื่อบริษัท หรือชื่อแบรนด์ ถือเป็นเรื่องสำคัญที่มีความเชื่อและหลักการเข้ามาเกี่ยวข้องมากมาย โดยเฉพาะในประเทศไทยที่นิยมใช้หลัก เลขศาสตร์ และ โหราศาสตร์ เข้ามาพิจารณาประกอบ เพื่อให้ชื่อที่ตั้งนั้นเป็นสิริมงคล เสริมดวงชะตา และนำพาความสำเร็จ
หลักการตั้งชื่อตามศาสตร์ต่างๆ
1. หลักเลขศาสตร์ (Numerology)
เป็นหลักการที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในไทย โดยเชื่อว่าตัวอักษรแต่ละตัวมีค่าเป็นตัวเลข และเมื่อนำค่าตัวเลขทั้งหมดมารวมกัน จะเกิดเป็นพลังงานที่ส่งผลต่อชีวิต หลักการพิจารณาประกอบด้วย:
- ถอดค่าตัวอักษร: กำหนดค่าตัวเลขให้กับตัวอักษร สระ และวรรณยุกต์ (สำหรับภาษาไทย) หรือตัวอักษร (สำหรับภาษาอังกฤษ) ตามตารางเลขศาสตร์
- คำนวณผลรวม: นำค่าตัวเลขทั้งหมดมารวมกันจนเหลือเลขหลักเดียว หรือบางครั้งก็พิจารณาผลรวมย่อยของแต่ละคู่เลข (เช่น 24, 42)
- วิเคราะห์ความหมายของผลรวม: ตัวเลขแต่ละตัว (1-9) หรือผลรวม 2 หลัก มีความหมายเฉพาะ เช่น
- เลขดี (มงคล): เช่น 14, 15, 24, 26, 36, 41, 42, 45, 46, 54, 55, 56, 59, 63, 65, 69, 78, 82, 89, 95, 96, 99 (แต่ละเลขก็มีจุดเด่นต่างกัน เช่น 24, 42 เด่นเสน่ห์เมตตา; 56, 65 เด่นการเงินโชคลาภ; 78, 87 เด่นอำนาจบารมี)
- เลขร้าย (อัปมงคล/ควรเลี่ยง): เช่น 13, 37, 57, 67, 73, 77, 80, 08 (มักนำมาซึ่งอุปสรรค, อุบัติเหตุ, ความขัดแย้ง, ความทุกข์)
- ความสมดุลของเลขคู่: นอกจากผลรวมแล้ว การมีเลขคู่ดีๆ ปรากฏในชื่อก็สำคัญ เช่น เลขคู่มิตร เลขคู่ทรัพย์ เลขคู่ปัญญา
2. หลักทักษาปกรณ์ (ทักษาพยากรณ์)
เป็นหลักการที่ผูกโยงกับ วันเกิดของบุคคล โดยอิงจากกำลังดาวประจำวันเกิดและภูมิของทักษา (บริวาร, อายุ, เดช, ศรี, มูละ, อุตสาหะ, มนตรี, กาลกิณี)
- หลีกเลี่ยงกาลกิณี: สิ่งสำคัญที่สุดคือ ไม่ควรมีตัวอักษรที่เป็นกาลกิณีประจำวันเกิด อยู่ในชื่อ เพราะเชื่อว่าจะนำมาซึ่งอุปสรรค ปัญหา และความไม่เป็นมงคล
- เน้นภูมิที่เป็นมงคล: ควรมีตัวอักษรที่ตกภูมิ ศรี, เดช, มนตรี เพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลในด้านต่างๆ เช่น
- ศรี: ความสำเร็จ, โชคลาภ, ความสุขสบาย
- เดช: อำนาจ, บารมี, ความกล้าหาญ
- มนตรี: ผู้อุปถัมภ์, ผู้ใหญ่ช่วยเหลือ
3. หลักมหาทักษา/กำลังวัน (มหาภูติ)
เป็นหลักที่พิจารณาอิทธิพลของวันเกิดเช่นกัน แต่มุ่งเน้นที่กำลังของดวงดาวและธาตุ โดยมักนำมาประกอบกับหลักทักษาและเลขศาสตร์เพื่อความสมบูรณ์
- กำลังวัน: แต่ละวันมีกำลังดาวประจำวัน (เช่น อาทิตย์ 6, จันทร์ 15) ซึ่งอาจนำมาใช้ในการคำนวณชื่อบางวิธี
- ธาตุ: การพิจารณาธาตุของชื่อให้เข้ากับธาตุของวันเกิด เช่น คนเกิดวันอาทิตย์ (ธาตุไฟ) อาจจะเหมาะกับชื่อที่มีพลังธาตุไฟที่ส่งเสริมกัน
4. ความหมายของชื่อ
นอกเหนือจากตัวเลขและอิทธิพลของดาวแล้ว ความหมายโดยตรงของชื่อ ก็เป็นสิ่งสำคัญมาก ควรเลือกชื่อที่มีความหมายที่ดี เป็นสิริมงคล สอดคล้องกับคุณสมบัติหรือความปรารถนาของเจ้าของชื่อ เช่น ชื่อที่หมายถึงความสำเร็จ, ความรุ่งเรือง, ความสุข, หรือความกล้าหาญ
5. ความไพเราะและจดจำง่าย
- ออกเสียงง่าย: ชื่อที่ดีควรออกเสียงง่าย ไม่ซับซ้อน หรือฟังแล้วขัดหู
- จดจำง่าย: ควรเป็นชื่อที่คนทั่วไปสามารถจดจำได้ง่าย
- ไม่มีความหมายในเชิงลบ: ต้องระมัดระวังไม่ให้ชื่อที่ตั้งไปพ้องเสียงหรือมีความหมายในเชิงลบในภาษาอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นชื่อที่ใช้ในการสื่อสารระหว่างประเทศ
ขั้นตอนการตั้งชื่อโดยทั่วไป
- กำหนดความต้องการ: ต้องการให้ชื่อเสริมด้านใดเป็นพิเศษ เช่น การเงิน, ความรัก, การงาน, บารมี
- ระบุข้อมูลเจ้าของชื่อ: วันเดือนปีเกิด และเวลาเกิด (สำหรับบุคคล) หรือประเภทธุรกิจ/แบรนด์ (สำหรับชื่อกิจการ)
- คัดเลือกตัวอักษร: คัดเลือกตัวอักษรที่ไม่มีปัญหาเรื่องกาลกิณีตามหลักทักษา
- ลองผสมคำ: นำตัวอักษรที่คัดเลือกไว้มาผสมเป็นชื่อต่างๆ ที่มีความหมายดีและไพเราะ
- คำนวณเลขศาสตร์: นำชื่อที่ได้มาคำนวณผลรวมเลขศาสตร์ และพิจารณาเลขคู่ที่ปรากฏ
- ปรับแก้จนได้ชื่อที่เหมาะสม: หากผลรวมไม่ดี หรือมีอักษรกาลกิณี ให้ปรับเปลี่ยนจนได้ชื่อที่ผ่านเกณฑ์ตามหลักที่พิจารณา
การตั้งชื่อที่ดีจึงไม่ใช่แค่การหาชื่อที่ไพเราะ แต่เป็นการผสมผสานศาสตร์แห่งตัวเลข ดวงดาว และความหมาย ให้ชื่อนั้นเป็นพลังงานที่ดีและส่งเสริมชะตาชีวิตของเจ้าของให้เจริญรุ่งเรืองครับ
หากคุณมีชื่อที่อยากให้วิเคราะห์ หรือต้องการตั้งชื่อใหม่ ลองให้ข้อมูลมาได้เลยนะครับ!