มาตราโหราศาสตร์ไทย
มาตราโหราศาสตร์ไทย คือ หน่วยวัดและหลักการคำนวณต่างๆ ที่ใช้ในการผูกดวงและพยากรณ์ตามระบบโหราศาสตร์ไทย ซึ่งมีรากฐานมาจากดาราศาสตร์โหราศาสตร์แบบอินเดียโบราณ โดยเฉพาะคัมภีร์สุริยยาตร์ มาตราเหล่านี้เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้โหราจารย์สามารถระบุตำแหน่งของดวงดาวและลัคนาได้อย่างแม่นยำ
มาตราหลักๆ ในโหราศาสตร์ไทย มีดังนี้ครับ:
1. มาตราการวัดเวลาและมุม (องศา ลิปดา ฟิลิปดา)
- องศา (Degree): หน่วยวัดมุมพื้นฐานในระบบวงกลม 1 วงกลมมี 360 องศา ในโหราศาสตร์ แต่ละราศีมี 30 องศา (12 ราศี x 30 องศา = 360 องศา)
- ลิปดา (Minute of Arc): หน่วยย่อยขององศา 1 องศา มี 60 ลิปดา (สัญลักษณ์: ‘)
- ฟิลิปดา (Second of Arc): หน่วยย่อยของลิปดา 1 ลิปดา มี 60 ฟิลิปดา (สัญลักษณ์: ”)
- การระบุตำแหน่งดาวจะระบุเป็น องศา ลิปดา ฟิลิปดา เช่น ดาวอาทิตย์อยู่ราศีเมษ 15 องศา 30 ลิปดา 45 ฟิลิปดา
2. มาตราการวัดปฏิทินและเวลา
- มหาศักราช (ม.ศ.): เป็นศักราชที่ใช้ในการคำนวณทางโหราศาสตร์ไทยเป็นหลัก โดยต้องแปลงจาก พ.ศ. ให้เป็น ม.ศ. ก่อน (พ.ศ. – 1181 = ม.ศ.)
- วัน/คืน/ยาม:
- วัน: วันในสัปดาห์ (อาทิตย์-เสาร์)
- ยาม: การแบ่งวันเป็นช่วงเวลา 1 วันมี 8 ยาม (1 ยามมี 3 ชั่วโมง)
- ยามปกติ: ใช้ในการคำนวณลัคนา
- ยามอัฐกาล/ยาตรา: การแบ่งเวลาที่ละเอียดกว่า โดยเฉพาะยามยาตราที่ใช้ในการหาฤกษ์ และเดินทาง
- ดิถี: คือช่วงเวลาที่พระจันทร์เปลี่ยนข้าง (ข้างขึ้นข้างแรม)
- ข้างขึ้น: 15 ค่ำ (พระจันทร์เต็มดวง)
- ข้างแรม: 15 ค่ำ (พระจันทร์มืด)
- ดิถีเพ็ญ (ปูรณมีดิถี): วันที่พระจันทร์เต็มดวง
- ดิถีดับ (อมาวสีดิถี): วันที่พระจันทร์มืดสนิท
- การใช้ดิถีเป็นสิ่งสำคัญในการคำนวณปฏิทินโหราศาสตร์ และดูฤกษ์ต่างๆ
- นักขัตฤกษ์ (นักษัตร): คือกลุ่มดาวฤกษ์ที่ดวงจันทร์โคจรผ่านในแต่ละวัน (ประมาณ 27 หรือ 28 กลุ่มดาว) ใช้ในการหาฤกษ์ยามและทำนายลักษณะเฉพาะของช่วงเวลานั้นๆ
- ในโหราศาสตร์ไทยจะใช้ 27 นักขัตฤกษ์
3. มาตราทางดาราศาสตร์โหราศาสตร์
- ราศี (Zodiac Sign): การแบ่งเส้นสุริยวิถี (แนวที่ดวงอาทิตย์โคจรผ่าน) ออกเป็น 12 ส่วนเท่าๆ กัน ส่วนละ 30 องศา แต่ละราศีมีชื่อตามกลุ่มดาว 12 กลุ่ม (เมษ, พฤษภ, เมถุน, กรกฎ, สิงห์, กันย์, ตุลย์, พิจิก, ธนู, มังกร, กุมภ์, มีน)
- ดาวพระเคราะห์: มี 10 ดวงหลักที่ใช้ในโหราศาสตร์ไทย ได้แก่
- พระอาทิตย์ (๑)
- พระจันทร์ (๒)
- พระอังคาร (๓)
- พระพุธ (๔)
- พระพฤหัสบดี (๕)
- พระศุกร์ (๖)
- พระเสาร์ (๗)
- พระราหู (๘) (จุดตัดของวงโคจรจันทร์กับสุริยวิถี)
- พระเกตุ (๙) (จุดตัดตรงข้ามของราหู)
- พระมฤตยู (๐ หรือ ๙๙) (ดาวพลูโต – เป็นดาวที่เพิ่งเพิ่มเข้ามาในภายหลัง)
- แต่ละดาวมีกำลังวันและคุณสมบัติเฉพาะตัว
- ลัคนา (Ascendant): จุดสำคัญที่สุดในดวงชะตาไทย คือราศีที่ขึ้นจากขอบฟ้าด้านทิศตะวันออก ณ เวลาเกิดของบุคคลนั้นๆ ลัคนาเป็นตัวกำหนด ภพ ทั้ง 12 ภพในดวงชะตา
- การคำนวณลัคนาต้องใช้เวลาเกิดที่แม่นยำและตารางลัคนาพิชัยสงคราม
- ภพ (House/Bhavas): การแบ่งดวงชะตาออกเป็น 12 เรือน (บ้าน) โดยมีลัคนาเป็นจุดเริ่มต้นของภพที่ 1 (ภพตนุ) แต่ละภพเป็นตัวแทนของขอบเขตชีวิตด้านต่างๆ เช่น:
- ตนุ: ตัวตน, บุคลิกภาพ, รูปร่าง
- กดุมภะ: การเงิน, ทรัพย์สิน, รายได้
- สหัชชะ: พี่น้อง, เพื่อน, การเดินทางใกล้
- พันธุ: บ้าน, ที่ดิน, ครอบครัว, มารดา
- ปุตตะ: บุตร, บริวาร, ความรัก, การลงทุน, ความสุข
- อริ: ศัตรู, อุปสรรค, หนี้สิน, โรคภัย
- ปัตนิ: คู่ครอง, หุ้นส่วน, คู่สัญญา, ศัตรูเปิดเผย
- มรณะ: ความตาย, การสูญเสีย, มรดก, สิ่งลี้ลับ
- ศุภะ: ความสำเร็จ, ความเจริญ, บุญบารมี, ต่างประเทศ, การศึกษาชั้นสูง
- กัมมะ: การงาน, อาชีพ, เกียรติยศ, ตำแหน่ง
- ลาภะ: โชคลาภ, ความสำเร็จที่ได้มาง่าย, มิตร
- วินาศ: ความเสียหาย, การซ่อนเร้น, ความลับ, การจากไป, การเจ็บป่วยเรื้อรัง
- เกษตร (Exaltation/Moolatrikona): ตำแหน่งที่ดาวสถิตอยู่ในราศีที่เป็นบ้านของตนเอง ถือว่าดาวนั้นเข้มแข็งที่สุด ให้คุณเต็มที่
- อุจจ์ (Exaltation): ตำแหน่งที่ดาวสถิตอยู่ในราศีที่ดาวมีกำลังสูงสุด ได้รับการส่งเสริมอย่างมาก
- นิจ (Debilitation): ตำแหน่งที่ดาวอ่อนกำลังที่สุด ไม่สามารถให้คุณได้เต็มที่ หรือให้ผลในทางลบ
- ประ (Detriment): ตำแหน่งที่ดาวสถิตอยู่ในราศีที่ตรงข้ามกับเกษตรของตนเอง ทำให้ดาวอ่อนกำลัง แต่ไม่เท่านิจ
4. มาตราทางระบบพยากรณ์เฉพาะ
- ทักษา (ทักษาปกรณ์): ระบบการพยากรณ์ที่ใช้กำลังของดาว (เลขกำลังวัน) และวันเกิดมาสัมพันธ์กัน เพื่อดูเรื่องของ บริวาร, อายุ, เดช, ศรี, มูละ, อุตสาหะ, มนตรี, กาลกิณี ในแต่ละช่วงชีวิต
- นวางค์ (Navamsa): การแบ่งแต่ละราศีออกเป็น 9 ส่วนย่อย (1 ส่วน = 3 องศา 20 ลิปดา) ใช้ดูคุณภาพที่แท้จริงของดาวและวาสนาบั้นปลาย
- ตรียางค์ (Drekkana): การแบ่งแต่ละราศีออกเป็น 3 ส่วนย่อย (1 ส่วน = 10 องศา) ใช้ดูนิสัยลึกๆ และพี่น้อง
มาตราเหล่านี้เป็นโครงสร้างทางคณิตศาสตร์และดาราศาสตร์ที่ซับซ้อน ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญที่โหราจารย์ใช้ในการถอดรหัสและทำความเข้าใจดวงชะตาของบุคคลครับ