โหราศาสตร์ไทย

ความแตกต่าง ทักษาเดิม และ ทักษาจร

ในโหราศาสตร์ไทย ทักษา เป็นระบบการพยากรณ์ที่สำคัญมากคู่ไปกับการดูดวงจากดวงกำเนิด (พื้นดวง) ทักษาจะช่วยให้การพยากรณ์มีความละเอียดและแม่นยำยิ่งขึ้น โดยทักษาจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลักๆ คือ ทักษาเดิม และ ทักษาจร ครับ


ทักษาเดิม (ทักษาพื้นดวงกำเนิด)

ทักษาเดิม คือ ระบบทักษาที่อิงจาก “วันเกิด” ของเจ้าชะตา (นับตามปฏิทินโหราศาสตร์ไทย คือตั้งแต่ 06.00 น. ของวันหนึ่ง ถึง 05.59 น. ของอีกวันหนึ่ง ยกเว้นวันพุธที่มีกลางวันและกลางคืน) และจะ คงที่อยู่กับเจ้าชะตาไปตลอดชีวิต ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

หลักการ:

  1. กำหนดดาวบริวาร: ดาวประจำวันเกิดของเจ้าชะตาจะถูกกำหนดให้เป็น “บริวาร” เสมอ
  2. เรียงลำดับภูมิ: จากนั้นจะนับเรียงลำดับไปตามภูมิทักษามาตรฐาน (บริวาร -> อายุ -> เดช -> ศรี -> มูละ -> อุตสาหะ -> มนตรี -> กาลกิณี) เวียนขวาไปจนครบ 8 ภูมิ

บทบาทและอิทธิพล: ทักษาเดิมบ่งบอกถึง ลักษณะพื้นฐาน อุปนิสัย ศักยภาพ และแนวโน้มของเหตุการณ์ หรือคุณภาพของเรื่องราวต่างๆ ที่ติดตัวเจ้าชะตามาตั้งแต่เกิด รวมถึงความสัมพันธ์กับสิ่งต่างๆ รอบตัว

  • ตัวอย่าง: หากดาวพุธ (๔) เป็น “ศรี” ในทักษาเดิมของใครคนหนึ่ง ก็อาจตีความได้ว่าคนนั้นมีพื้นฐานเป็นคนมีเสน่ห์ มีวาทศิลป์ดี มีโชคลาภจากการพูดจา หรือมีความสุขสบายเกี่ยวกับเอกสาร การติดต่อสื่อสารติดตัวมาตั้งแต่เกิด

ทักษาจร (ทักษาจรรายปี หรือ ทักษาภูมิจร)

ทักษาจร คือ ระบบทักษาที่มีการ เปลี่ยนแปลงไปตาม “อายุ” ของเจ้าชะตาในแต่ละปี หรือในแต่ละช่วงเวลา ทักษาจรจะบอกถึง เหตุการณ์สำคัญ อิทธิพล และคุณภาพของสิ่งต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในรอบปีนั้นๆ หรือในช่วงเวลานั้นๆ อย่างเฉพาะเจาะจง

หลักการ:

  1. นับตามอายุ: ทักษาจรจะเริ่มนับ “บริวารจร” ใหม่ทุกปีตามอายุที่เพิ่มขึ้นของเจ้าชะตา โดยจะเลื่อนตำแหน่งดาวที่คุมบริวารไปตามลำดับ (ปกติจะขยับไป 1 ภูมิทุกปี)
  2. หมุนเวียนไปตามลำดับภูมิ: ภูมิทั้ง 8 จะหมุนเวียนหน้าที่ไปเรื่อยๆ ในแต่ละปี

บทบาทและอิทธิพล: ทักษาจรจะแสดงถึง จังหวะชีวิต เหตุการณ์สำคัญ โอกาส และอุปสรรคที่จะเข้ามาในแต่ละปี โดยนำมาทับซ้อนกับพื้นดวงเดิม เพื่อดูว่าดาวในพื้นดวงของเจ้าชะตา จะมีบทบาทและให้ผลอย่างไรในปีนั้นๆ

  • ตัวอย่าง: หากในปีนี้ ดาวเสาร์ (๗) หมุนเวียนมาเป็น “ศรีจร” (ดาวแห่งโชคลาภ)
    • ถ้าในพื้นดวงเดิม ดาวเสาร์ของคุณเด่นเรื่องการงาน (เช่น เป็นเกษตรในภพกัมมะ) ก็อาจหมายความว่าในปีนี้ งานของคุณจะประสบความสำเร็จ มีโชคลาภในสายงานที่ทำ หรือได้รับโอกาสดีๆ ในหน้าที่การงาน
  • ตัวอย่าง (ตรงข้าม): หากในปีนี้ ดาวศุกร์ (๖) หมุนเวียนมาเป็น “กาลกิณีจร” (ดาวแห่งปัญหา)
    • ถ้าในพื้นดวงเดิม ดาวศุกร์ของคุณเด่นเรื่องความรัก (เช่น เป็นเกษตรในภพปัตนิ) ก็อาจหมายความว่าในปีนี้ คุณอาจต้องเผชิญกับปัญหา อุปสรรค หรือความขัดแย้งในเรื่องความรัก หรือคู่ครองนำปัญหามาให้

สรุปความแตกต่าง

คุณสมบัติทักษาเดิม (ทักษาพื้นดวงกำเนิด)ทักษาจร (ทักษาจรรายปี)
อ้างอิงจากวันเกิด (คงที่ตลอดชีวิต)อายุที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปี (เปลี่ยนแปลงทุกปี)
บ่งบอกถึงพื้นฐานนิสัย, ศักยภาพ, ลักษณะเฉพาะที่ติดตัวเหตุการณ์, โอกาส, อุปสรรค ที่จะเกิดขึ้นในแต่ละปี
การเปลี่ยนแปลงคงที่, ไม่เปลี่ยนแปลงไม่คงที่, เปลี่ยนแปลงไปตามอายุทุกปี
บทบาท“ลายเซ็น” ของดวงชะตา, คุณภาพพื้นฐาน“จังหวะชีวิต” ในแต่ละช่วงเวลา, คุณภาพของเหตุการณ์

ส่งออกไปยังชีต


การใช้ทักษาทั้งสองรูปแบบร่วมกันกับการวิเคราะห์พื้นดวง (ราศี, ภพ, มาตรฐานดาว, มุมสัมพันธ์) จะทำให้โหราจารย์สามารถพยากรณ์ดวงชะตาได้อย่างครบถ้วน ลึกซึ้ง และเห็นภาพรวมทั้งในระยะยาวและระยะสั้นได้อย่างแม่นยำครับ ในโหราศาสตร์ไทย ทักษาเดิม (หรือทักษาตามวันเกิด) และ ทักษาจร เป็นสองระบบที่ใช้เสริมการพยากรณ์ร่วมกับดวงโหราศาสตร์ปกติ (ราศีจักร) เพื่อให้การอ่านดวงชะตามีความลึกซึ้งและแม่นยำมากยิ่งขึ้นครับ


1. ทักษาเดิม (ทักษาพื้นดวง / ทักษาตามวันเกิด)

ความหมาย:

ทักษาเดิม คือ การกำหนดบทบาทของดาวแต่ละดวง (และบางตำราถึงตัวอักษรและสระ) ตาม วันเกิด (อาทิตย์-เสาร์ หรือ พุธกลางคืน) ของเจ้าชะตา และจะ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดชีวิต เปรียบเสมือนเป็น “ลายเซ็น” หรือ “กรรมเก่า” ที่ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด บ่งบอกถึงลักษณะพื้นฐาน อุปนิสัย และแนวโน้มของชีวิตในด้านต่างๆ

หลักการ:

จะเริ่มต้นนับจาก ดาวประจำวันเกิด ให้เป็น “บริวาร” เสมอ จากนั้นจึงนับเวียนไปตามลำดับภูมิทั้ง 8 (บริวาร, อายุ, เดช, ศรี, มูละ, อุตสาหะ, มนตรี, กาลกิณี)

การนำไปใช้:

  • ใช้ดู พื้นฐาน ของเจ้าชะตาในแต่ละเรื่อง
  • ดาวที่ได้ตำแหน่งดี (ศรี, เดช, มนตรี, มูละ) ในทักษาเดิม: บ่งบอกถึงจุดแข็ง โอกาส หรือความสามารถที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด ทำให้ชีวิตในด้านนั้นๆ มีความราบรื่น หรือมีข้อได้เปรียบ
    • ตัวอย่าง: หากดาวการเงิน (เช่น ดาวศุกร์) เป็น “ศรี” ในทักษาเดิม แสดงว่าเจ้าชะตามีพื้นฐานเรื่องการเงินที่ดี มีโชคลาภ หรือหาเงินได้ง่ายตามบุญที่ทำมา
  • ดาวที่ได้ตำแหน่งไม่ดี (กาลกิณี) ในทักษาเดิม: บ่งบอกถึงจุดอ่อน ปัญหา อุปสรรค หรือเคราะห์กรรมที่ติดตัวมาแต่กำเนิด ซึ่งอาจเป็นเรื่องที่ต้องเผชิญอยู่เสมอ หรือต้องแก้ไข
    • ตัวอย่าง: หากดาวการงาน (เช่น ดาวเสาร์) เป็น “กาลกิณี” ในทักษาเดิม แสดงว่าเจ้าชะตาอาจมีปัญหาเรื่องงานติดตัวมา เช่น งานไม่มั่นคง เปลี่ยนงานบ่อย หรือทำดีไม่ค่อยได้รับการยอมรับ

2. ทักษาจร (ทักษาเปลี่ยนตามอายุ / ทักษาเวียน)

ความหมาย:

ทักษาจร คือ การที่ภูมิของทักษา (บริวาร, อายุ, เดช ฯลฯ) มีการ เคลื่อนที่เปลี่ยนแปลงไปทุกปี ตามอายุย่างของเจ้าชะตา ทักษาจรจะบอกถึง เหตุการณ์สำคัญ อิทธิพล และคุณภาพของสิ่งต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในแต่ละรอบปีนั้นๆ หรือแต่ละช่วงอายุ

หลักการ:

จะมีการนับ “บริวารจร” ที่เปลี่ยนไปในแต่ละปี โดยมีหลักการเฉพาะในการคำนวณตามอายุย่างของเจ้าชะตา จากนั้นก็เวียนลำดับภูมิเหมือนทักษาเดิม

การนำไปใช้:

  • ใช้ดู จังหวะชีวิต และเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในรอบปีปัจจุบันหรือปีในอนาคต
  • ดาวที่หมุนเวียนมาเป็น “ศรีจร” ในปีนั้นๆ: เป็นดาวที่ส่งผลดีที่สุดในปีนั้น จะนำพาโชคลาภ ความสำเร็จ โอกาสดีๆ มาให้ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับดาวดวงนั้นและภพที่สถิต
    • ตัวอย่าง: หากในปีนี้ ดาวพฤหัสบดี (๕) เป็น “ศรีจร” แสดงว่าปีนี้เป็นปีที่ดีสำหรับเรื่องที่เกี่ยวข้องกับดาวพฤหัสฯ เช่น การศึกษา ความก้าวหน้าจากผู้ใหญ่ การเดินทาง หรือโชคลาภ
  • ดาวที่หมุนเวียนมาเป็น “กาลกิณีจร” ในปีนั้นๆ: เป็นดาวที่ส่งผลไม่ดีที่สุดในปีนั้น จะนำพาปัญหา อุปสรรค ความเสียหาย หรือเคราะห์ร้ายมาให้ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับดาวดวงนั้น
    • ตัวอย่าง: หากในปีนี้ ดาวศุกร์ (๖) เป็น “กาลกิณีจร” ต้องระวังปัญหาเรื่องความรัก การเงิน ความสวยงาม หรือความสุขสบาย อาจเกิดการสูญเสียหรือความผิดหวัง

การผสานกันระหว่างทักษาเดิมและทักษาจรกับการพยากรณ์

โหราจารย์จะนำข้อมูลจากทั้งทักษาเดิมและทักษาจร มาซ้อนทับกับ “พื้นดวง” (ลัคนา, ราศี, ภพเรือน, มาตรฐานดาว, มุมสัมพันธ์ดาว) เพื่อให้การพยากรณ์สมบูรณ์ที่สุดครับ:

  • พื้นดวง + ทักษาเดิม: บอกศักยภาพและอุปนิสัยพื้นฐาน
  • พื้นดวง + ทักษาจร: บอกจังหวะชีวิตและเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในช่วงนั้นๆ

ตัวอย่างการตีความแบบซ้อนทับ:

  • กรณีที่ดี: ดาวการงาน (เช่น ดาวเสาร์) ในพื้นดวงได้มาตรฐาน “เกษตร” (มั่นคง) และ ในทักษาเดิมเป็น “เดช” (อำนาจ) และ ในปีนี้ ดาวเสาร์ก็มาเป็น “ศรีจร”
    • ตีความ: เจ้าชะตามีพื้นฐานงานที่มั่นคง มีความสามารถในการสร้างอำนาจในงานอยู่แล้ว และในปีนี้ยังได้รับโชคด้านการงานเป็นพิเศษอีกด้วย ทำให้มีโอกาสได้เลื่อนตำแหน่ง ได้รับโปรเจกต์ใหญ่ หรือมีความสำเร็จในหน้าที่การงานอย่างสูง
  • กรณีที่ต้องระวัง: ดาวการเงิน (เช่น ดาวศุกร์) ในพื้นดวงได้มาตรฐาน “อุจจ์” (รุ่งเรือง) แต่ในทักษาเดิมเป็น “กาลกิณี”และ ในปีนี้ ดาวศุกร์ก็มาเป็น “กาลกิณีจร”
    • ตีความ: แม้เจ้าชะตามีศักยภาพในการหาเงินได้ดีมาก หรือมีฐานะร่ำรวย (อุจจ์) แต่ก็มีปัญหาหรือข้อจำกัดเรื่องการเงินที่ติดตัวมาแต่กำเนิด และในปีนี้ปัญหานั้นจะถูกกระตุ้นให้เด่นชัดขึ้น ต้องระวังการสูญเสียเงินทองอย่างหนัก การโดนโกง หรือปัญหาทางการเงินที่คาดไม่ถึง

การใช้ทั้งทักษาเดิมและทักษาจรช่วยให้โหราจารย์สามารถระบุได้ว่า เหตุการณ์ใดมีรากฐานมาจากอุปนิสัยหรือกรรมเก่า และเหตุการณ์ใดเป็นจังหวะชีวิตที่เข้ามาในแต่ละช่วงวัย ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการพยากรณ์โหราศาสตร์ไทยครับ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *