Highlights

การโคจรของดวงดาวตามหลักโหราศาสตร์ไทย

🌌 การโคจร 1 รอบของดาวนพเคราะห์ตามโหราศาสตร์ไทย

โหราศาสตร์ไทยใช้ระบบ จักรราศี 12 ราศี (30 องศา/ราศี) โดยดาวแต่ละดวงมีระยะเวลาโคจรต่างกัน ดังนี้:

ดาวระยะเวลาโคจร 1 รอบการเปลี่ยนราศีลักษณะพิเศษ
พระอาทิตย์ (๑)1 ปี (365 วัน)30 วัน/ราศีครองราศีเมษในเดือนเมษายน (ปีใหม่โหราศาสตร์)
พระจันทร์ (๒)27.3 วัน2.5 วัน/ราศีเกี่ยวข้องกับ ข้างขึ้น-ข้างแรม
พระอังคาร (๓)1 ปี 322 วัน1.5–2 เดือน/ราศีมักเกิด โคจรถอยหลัง (Retrograde)
พระพุธ (๔)88 วัน3–4 สัปดาห์/ราศีโคจรเร็วสุดในนพเคราะห์
พระพฤหัส (๕)11.86 ปี1 ปี/ราศีเรียกว่า “ครูใหญ่แห่งจักรราศี”
พระศุกร์ (๖)225 วัน23–26 วัน/ราศีโคจรสลับด้านพระอาทิตย์ (กลางวัน-กลางคืน)
พระเสาร์ (๗)29.5 ปี2.5 ปี/ราศีระยะโคจรช้าที่สุด (สหัชฐา 19.5 ปี)
พระราหู (๘)18 ปี1.5 ปี/ราศีโคจรถอยหลัง ตลอดเวลา
พระเกตุ (๙)18 ปี1.5 ปี/ราศีโคจรตามพระราหู (คู่กรรม)
พระมฤตยู (0)84 ปี7 ปี/ราศีดาวมฤตยูมีช่วงโคจรย้อนราศี (พักร์) สลับกับโคจรปกติ โดยเฉลี่ยทุก 7 ปี จะเกิดการถอยหลัง 1 ครั้ง

🔄 กลไกการโคจรสำคัญ

  1. การโคจรถอยหลัง (Retrograde)
    • เกิดเมื่อโลกแซงดาวอื่นขณะโคจร
    • ดาวที่มักถอยหลัง: พระอังคาร, พระพุธ, พระพฤหัส, พระศุกร์, พระเสาร์
    • ผลทางโหร: ทำให้พลังงานดาวทำงานผิดปกติ (เช่น พระพุธถอยหลัง → การสื่อสารคลาดเคลื่อน)
  2. การโคจรของพระราหู-พระเกตุ
    • โคจร ย้อนจักรราศี (ทวนเข็มนาฬิกา)
    • ครบรอบ 18 ปี เรียกว่า “รอบราหู”
    • เชื่อว่าทุก 9 ปี (ครึ่งรอบราหู) จะเกิดเหตุร้ายสำคัญ
  3. จุดตัดสำคัญ
    • พระจันทร์ดับ (New Moon): วันแรม 15 ค่ำ
    • พระจันทร์เพ็ญ (Full Moon): วันขึ้น 15 ค่ำ
    • อัฐเคราะห์: ดาว 8 ดวงเรียงตัวใน 4 ราศีตรงข้าม (เกิดทุก 150 ปี) ส่งผลมหาอุบาทว์

🌐 ระบบจักรวาลตามคติไทย

โหราศาสตร์ไทยอิง ระบบโลกเป็นศูนย์กลาง (Geocentric) โดยมีโครงสร้าง:

เขาพระสุเมรุ (ศูนย์กลางจักรวาล)
  ↓  
จักรราศี 12 ราศี (โคจรโดยรอบ)
  ↓  
นพเคราะห์ 9 ดวง (โคจรซ้อนชั้น)
  • การโคจรจริง: ใช้ค่าคำนวณจาก สูรยสิทธันต์ (ตำราโหรอินเดียโบราณ)
  • วันเริ่มปี: 16 เมษายน (สงกรานต์) เมื่อพระอาทิตย์เข้าสู่ ราศีเมษ

⚠️ ผลกระทบต่อดวงชะตา

  • ดาวโคจรเร็ว (พระจันทร์, พระพุธ): กระทบชีวิตประจำวัน
  • ดาวโคจรช้า (พระพฤหัส, พระเสาร์): กระทบวิถีชีวิตระยะยาว
  • รอบโคจร 12 ปี (ปีจร): เรียกว่า “ปีชง” เมื่อดาวพฤหัสโคจรครบรอบ

📜 ปรัชญาโหราศาสตร์ไทย:
“การโคจรของดาวคือจังหวะแห่งกรรม…
ผู้เข้าใจกฎเกณฑ์ย่อมรู้เท่าทันอนาคต”

ดาวมฤตยู (เลขสัญลักษณ์ ๐) เป็นดาวเคราะห์วงนอกที่โหราศาสตร์ไทยนำมาใช้เสริมจากดาวนพเคราะห์ดั้งเดิม โดยมีลักษณะการโคจรและอิทธิพลเฉพาะตัว ดังนี้:


🔄 ระยะเวลาและลักษณะการโคจร

  1. ระยะเวลาโคจร 1 รอบ:
    • ใช้เวลา 84 ปี ในการโคจรรอบดวงอาทิตย์ครบ 1 รอบ ผ่านจักรราศีทั้ง 12 ราศี91011
    • แต่ละราศีจะสถิตอยู่ประมาณ 7 ปี (บางตำราว่า 7 ปีต่อราศี) ตามคติ “ชั่วเจ็ดที ดีเจ็ดหน”38
  2. การโคจรแบบถอยหลัง (Retrograde):
    • ดาวมฤตยูมีช่วงโคจรย้อนราศี (พักร์) สลับกับโคจรปกติ โดยเฉลี่ยทุก 7 ปี จะเกิดการถอยหลัง 1 ครั้ง911
    • เช่น ในปี 2565 ย้ายจากราศีเมษสู่ราศีพฤษภ แต่ถอยกลับเข้าสู่ราศีเมษอีกครั้งในเดือนธันวาคมปีเดียวกัน3

📐 ระบบคำนวณตำแหน่งในโหราศาสตร์ไทย

โหราศาสตร์ไทยใช้ 2 ระบบหลักในการคำนวณตำแหน่งดาวมฤตยู:

  1. ปฏิทินสุริยยาตร์ (แบบไทยดั้งเดิม):
    • คำนวณตามสูตรโหรไทยโบราณ โดยอาจารย์ทองเจือ อ่างแก้ว
    • ตำแหน่งดาวอาจคลาดเคลื่อนเล็กน้อยเนื่องจากเทคโนโลยีสมัยก่อน3
  2. ปฏิทินลาหิรี (แบบอินเดีย):
    • คำนวณด้วยวิธี นิรายนะ (ตัดอายนางศ) เพื่อหาจุดเริ่มต้นราศีแม่นยำกว่า
    • นิยมใช้ในไทยสมัยใหม่ โดยอาจารย์เทพย์ สาริกบุตร3

⚠️ หมายเหตุ: ทั้งสองระบบให้ผลพยากรณ์แม่นยำใกล้เคียงกัน แต่ตำแหน่งดาวอาจต่างกัน เช่น ปี 2565 สุริยยาตร์คำนวณว่าดาวมฤตยูย้ายสู่ราศีพฤษภ ส่วนลาหิรีคำนวณว่ายังอยู่ราศีเมษ3


⚡️ อิทธิพลต่อดวงชะตาและเหตุการณ์โลก

  1. ความหมายหลัก:
    • สัญลักษณ์ของ การเปลี่ยนแปลงฉับพลัน ภัยอาเพศ เทคโนโลยี และความคิดนอกกรอบ711
    • เมื่อโคจรเข้าภพ (เรือนชะตา) ใด จะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเรื่องนั้นอย่างไม่คาดคิด
  2. ตัวอย่างเหตุการณ์ประวัติศาสตร์:
    • พ.ศ. 2310 (เสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2): ดาวมฤตยูสถิตราศีเมษ9
    • พ.ศ. 2394 (สวรรคตรัชกาลที่ 3): ดาวมฤตยูสถิตราศีเมษเช่นกัน9
    • พ.ศ. 2475 (เปลี่ยนแปลงการปกครอง): ดาวมฤตยูโคจรระหว่างราศีเมษ-มีน9
    • พ.ศ. 2540 (วิกฤตต้มยำกุ้ง): ดาวมฤตยูทำมุม 180 องศากับดาวจันทร์ในดวงเมือง3
  3. ผลต่อบุคคล:
    • หากดาวมฤตยูโคจร เล็ง หรือ กุม ดาวสำคัญในดวงชะตา (เช่น ลัคนา หรืออาทิตย์) มักเกิดการพลิกผันชีวิต เช่น
      • ถูกเลิกงานหรือความสัมพันธ์ขาดสะบั้น12
      • ได้รับโอกาสใหม่แบบไม่ทันตั้งตัว

🔭 ความเชื่อมโยงกับดาราศาสตร์สมัยใหม่

  • การค้นพบ: เซอร์วิลเลียม เฮอร์เชล ค้นพบดาวมฤตยูเมื่อ 13 มีนาคม พ.ศ. 2324 (สมัยธนบุรี) ด้วยกล้องโทรทรรศน์1011
  • ลักษณะทางกายภาพ:
    • เป็นดาวเคราะห์น้ำแข็งยักษ์ (Ice Giant) ประกอบด้วยก๊าซไฮโดรเจน 83% และมีเทน 2% ทำให้มองเห็นเป็นสีฟ้า10
    • แกนหมุนเอียง 97.8 องศา จึง “กลิ้ง” ไปรอบดวงอาทิตย์แทนการหมุน1011

📜 สรุป: มฤตยูกับปรัชญา “การเปลี่ยนแปลงนิรันดร์”

ดาวมฤตยูในโหราศาสตร์ไทยคือ เทพแห่งการปฏิวัติชีวิต ที่สะท้อนหลัก “อุบัติเหตุคือแผนการแห่งกรรม”:

  • ด้านมืด: นำภัยพิบัติที่ไม่คาดคิด (โรคประหลาด, การสูญเสียกะทันหัน)7
  • ด้านสว่าง: เปิดทางสู่ปัญญาและนวัตกรรม (เทคโนโลยี, การคิดนอกกรอบ)11
    การโคจรครบรอบ 84 ปี จึงไม่ใช่แค่การนับเวลา แต่เป็น วัฏจักรแห่งการทำลายและสร้างใหม่ ที่มนุษย์ต้องเรียนรู้เพื่อก้าวผ่านวิกฤต

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *