Uncategorized

ความเป็นมาและรากฐานของโหราศาสตร์ไทย

โหราศาสตร์ไทยเป็นศาสตร์แห่งการพยากรณ์ที่มีประวัติความเป็นมาและรากฐานที่ยาวนานซับซ้อน โดยได้รับอิทธิพลจากหลายแหล่งอารยธรรมและมีการพัฒนาปรับปรุงให้เข้ากับบริบทของสังคมไทยมาโดยตลอด

1. รากฐานจากโหราศาสตร์อินเดีย (พราหมณ์-ฮินดู)

หัวใจสำคัญของโหราศาสตร์ไทยคือการรับอิทธิพลโดยตรงมาจาก โหราศาสตร์อินเดียโบราณ หรือโหราศาสตร์พระเวท (Vedic Astrology) ซึ่งมีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลและเป็นส่วนหนึ่งของคัมภีร์พระเวทในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู

  • การแพร่เข้าสู่ดินแดนสุวรรณภูมิ: ศาสนาพราหมณ์-ฮินดูได้แพร่หลายเข้ามายังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงดินแดนประเทศไทยในปัจจุบันมาตั้งแต่สมัยโบราณ ผ่านเส้นทางการค้า การเผยแผ่ศาสนา และการติดต่อสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมต่างๆ พร้อมกันนั้น องค์ความรู้ด้านโหราศาสตร์ก็ถูกนำเข้ามาด้วย
  • แนวคิดเรื่องดวงดาวและราศี: โหราศาสตร์ไทยได้รับแนวคิดหลักๆ มาจากอินเดีย เช่น:
    • พระเคราะห์ (Navagraha): การใช้ดวงดาว 9 ดวงหลัก (อาทิตย์ จันทร์ อังคาร พุธ พฤหัสบดี ศุกร์ เสาร์ ราหู เกตุ) เป็นตัวแทนของอิทธิพลต่างๆ ซึ่งมีความหมายและคุณสมบัติคล้ายคลึงกับเทพเจ้าในศาสนาพราหมณ์
    • จักรราศี (Rashis): การแบ่งท้องฟ้าเป็น 12 ราศี และความหมายของแต่ละราศี
    • ภพ (Bhavas): การแบ่งเรือนชะตาเป็น 12 ภพ เพื่อบ่งชี้ถึงด้านต่างๆ ของชีวิต
    • การคำนวณลัคนา: ซึ่งถือเป็นจุดสำคัญที่สุดของดวงชะตาในการผูกดวง
    • การนับราศีแบบนิรายนะ (Sidereal Zodiac): โหราศาสตร์ไทยยังคงยึดการนับราศีตามตำแหน่งของกลุ่มดาวฤกษ์จริงบนท้องฟ้า ซึ่งต่างจากโหราศาสตร์ตะวันตกที่ใช้ราศีแบบอายนะ (Tropical Zodiac)

2. หลักฐานและพัฒนาการในประเทศไทย

  • สมัยสุโขทัย: แม้หลักฐานจะไม่ชัดเจนมากนัก แต่สันนิษฐานว่าโหราศาสตร์เริ่มเข้ามามีบทบาทในราชสำนักและในชีวิตของคนทั่วไปตั้งแต่สมัยสุโขทัย ซึ่งเป็นยุคที่ศาสนาพุทธและพราหมณ์มีความเจริญรุ่งเรือง
  • สมัยอยุธยา: โหราศาสตร์มีความสำคัญและเป็นที่ยอมรับอย่างสูงในสมัยอยุธยา มีการตั้ง “กรมโหรหลวง” ซึ่งมีหน้าที่สำคัญในการถวายคำปรึกษาแก่พระมหากษัตริย์ในเรื่องต่างๆ เช่น:
    • การคำนวณฤกษ์ยาม: สำหรับพระราชพิธีสำคัญ, การออกศึกสงคราม, การก่อสร้าง
    • การพยากรณ์เหตุการณ์บ้านเมือง: เพื่อเตรียมรับมือกับภัยพิบัติหรือเหตุการณ์สำคัญ
    • การคำนวณดวงชะตาของบุคคลสำคัญ: เช่น พระโหราธิบดี ซึ่งเป็นโหรหลวงที่มีชื่อเสียงในสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง
  • สมัยรัตนโกสินทร์: โหราศาสตร์ยังคงมีบทบาทสำคัญต่อเนื่องมาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ มีการรวบรวมและชำระตำราโหราศาสตร์ต่างๆ ขึ้นมาใหม่ให้เป็นระบบระเบียบมากขึ้น เช่น ตำราพรหมชาติ ซึ่งเป็นตำราโหราศาสตร์ที่ได้รับความนิยมและแพร่หลายในหมู่ประชาชนทั่วไปมาจนถึงปัจจุบัน ตำรานี้ผสมผสานความเชื่อพื้นบ้านและหลักการพยากรณ์แบบง่ายๆ เข้าไป
  • การผสมผสานกับภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทย: โหราศาสตร์ไทยไม่ได้แค่รับมาอย่างเดียว แต่มีการปรับปรุงและผสมผสานให้เข้ากับบริบทของสังคมไทย ทั้งในด้านภาษา (ชื่อดาว ชื่อราศี) ความเชื่อท้องถิ่น พิธีกรรม และการประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น การดูฤกษ์แต่งงาน การตั้งชื่อ การทำบุญเสริมดวงต่างๆ

3. ต้นกำเนิดที่เก่าแก่กว่า (ข้อสันนิษฐาน)

  • บางหลักฐานทางโบราณคดีที่สำคัญ เช่น ที่บ้านเชียง จังหวัดอุดรธานี ซึ่งมีอายุประมาณสี่พันถึงห้าพันปี ได้มีการค้นพบสัญลักษณ์เกี่ยวกับจักรราศีและดวงดาวต่างๆ ทำให้มีข้อสันนิษฐานว่า คนไทยหรือชนชาติในภูมิภาคนี้อาจมีการเรียนรู้และพัฒนาองค์ความรู้ด้านดาราศาสตร์และโหราศาสตร์มาตั้งแต่ยุคโบราณมาก่อนที่จะได้รับอิทธิพลจากอินเดียเสียอีก แต่หลักฐานที่ชัดเจนในการเชื่อมโยงกับโหราศาสตร์ในปัจจุบันยังคงต้องอาศัยการศึกษาเพิ่มเติม

โดยสรุปแล้ว โหราศาสตร์ไทยมีรากฐานที่แข็งแกร่งมาจาก โหราศาสตร์อินเดีย (พระเวท) และถูกนำเข้ามาในประเทศไทยพร้อมกับการเผยแผ่ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู จากนั้นได้มีการพัฒนาและปรับเปลี่ยนให้เข้ากับบริบททางสังคมและวัฒนธรรมของไทย โดยมีบทบาทสำคัญทั้งในราชสำนักและในชีวิตของคนทั่วไป มาอย่างยาวนานจนถึงปัจจุบันครับ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *